กระบะปลูกต้นไม้ (Planter Box) เป็นตัวเลือกการปลูกพืชที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องด้วยข้อดีหลายประการ เช่น จัดการดูแลง่าย ใช้พื้นที่น้อย ปลูกได้ทั้งในร่มและกลางแจ้ง ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องศัตรูพืชและวัชพืช ตลอดจนมีความยืดหยุ่นในแง่ของดีไซน์สูง เพราะมีขนาด รูปทรง และวัสดุให้เลือกใช้หลากหลายแบบ
สำหรับท่านใดที่กำลังมองหาไอเดียการจัดกระบะปลูกต้นไม้สวยๆ ทาง Matiply ก็ได้นำตัวอย่างใน 5 สไตล์มาให้ชมกันในบทความนี้แล้ว แถมด้วยเคล็ดลับวิธีปลูกและดูแลต้นไม้ในกระบะให้สวยทน ไม่เหี่ยวเฉาง่าย จะได้อยู่ให้ชื่นชมกันไปได้นานๆ
5 สไตล์ กระบะปลูกต้นไม้สวยๆ
วัสดุของกระบะปลูกต้นไม้มีผลต่อดีไซน์และความรู้สึก ทั้งยังมีส่วนกำหนดชนิดของพืชและแนวทางการดูแลที่เหมาะสม การออกแบบจึงควรพิจารณาเป็นอับดับแรกๆ ซึ่งก็มีตัวอย่างในรูปแบบต่างๆ ให้ชมดังนี้
1. กระบะไม้ สวยลงตัวแบบธรรมชาติ
กระบะปลูกต้นไม้ที่ทำมาจากไม้ทั่วไปแล้วจะให้ความรู้สึกที่เป็นธรรมชาติ จึงมักถูกใจบรรดาผู้ที่ชื่นชอบต้นไม้เป็นทุนเดิม ซึ่งหากเลือกใช้ชนิดไม้ที่มีความทนทาน เช่น ไม้เต็ง ไม้สน ไม้อะคาเซีย ฯลฯ ก็จะช่วยให้มีความเหมาะสมต่อการจัดวางในพื้นที่กลางแจ้งมากขึ้น
ในแง่ของขนาด หากต้องการปลูกต้นไม้หรือดอกไม้ที่มีขนาดใหญ่ ก็จำเป็นจะต้องใช้กระบะไม้ที่มีขนาดใหญ่เพียงพอ โดยการจัดวางอาจวางประดับไว้ริมกำแพง ริมระเบียง หรือจะใช้กระบะไม้เป็นตัวกั้นแบ่งสัดส่วนพื้นที่ก็ดูลงตัวไปอีกแบบ
หรือใครที่ต้องการปลูกต้นไม้หรือดอกไม้ขนาดเล็ก ก็สามารถเลือกวางได้หลายจุด เช่น ริมหน้าต่าง บนโต๊ะ บนตู้ เป็นต้น โดยอาจเลือกใช้ต้นไม้สีเขียวดูสบายตา หรือจะเลือกดอกไม้ที่มีสีสันสวยงามเพื่อช่วยเสริมความมีชีวิตชีวาก็ได้เช่นกัน
กระบะไม้ปลูกต้นไม้ไม่จำเป็นจะต้องเป็นสีธรรมชาติและเป็นทรงสี่เหลี่ยมเรียบๆ เท่านั้น แต่อาจเพิ่มลูกเล่นได้ด้วยการทาสีและเพิ่มชิ้นส่วนไม้ให้มีรูปทรงที่แตกต่าง อย่างในรูปนี้จะเป็นกระบะไม้ที่ทำเป็นรั้วสีขาว ซึ่งดูเหมาะสมลงตัวกับการปลูกต้นไม้จำพวกไม้เลื้อย
2. กระบะปูน สวยดูดีแบบมินิมอล
กระบะปูนสำหรับปลูกต้นไม้ทั่วไปแล้วจะให้ความรู้สึกค่อนไปทางสไตล์มินิมอล แต่ด้วยความที่มักจะมีสีขาวหรือเทา จึงสามารถประยุกต์ใช้กับสไตล์อื่นได้หลากหลาย
ในแง่ของการใช้งาน เนื่องจากกระบะปูนปลูกต้นไม้นั้นมีความทนทานสูง ทั้งยังมีคุณสมบัติเป็นเหมือนฉนวนที่ช่วยกันความร้อนให้แก่รากของพืช จึงเป็นที่นิยมสำหรับการปลูกต้นไม้กลางแจ้ง
กระบะปูนปลูกต้นไม้ยังสามารถออกแบบให้มีประโยชน์ใช้สอยอื่นๆ เพิ่มเติมได้อีก อย่างในรูปนี้จะเป็นกระบะปูนที่เป็นโต๊ะด้วยในคราวเดียวกัน ซึ่งนอกจากจะดูสวยและมีเอกลักษณ์แล้ว ก็ยังช่วยให้สามารถใกล้ชิดกับต้นไม้ที่ปลูกได้มากขึ้น
นอกจากนี้แล้ว การใช้ปูนในรูปแบบคอนกรีต ใช้หินเข้ามาผสม หรือใช้สีทาเพิ่มเติมเพื่อสร้างสีสันลวดลายให้ดูสวยงาม ก็เป็นอีกไอเดียที่น่าสนใจไม่น้อยเช่นกัน
3. กระบะพลาสติก สวยได้หลากสี หลากรูปทรง
กระบะพลาสติกสำหรับปลูกต้นไม้มีจุดเด่นคือมีราคาถูก มีน้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายได้ง่าย ทั้งยังมีขนาด สี และรูปทรงให้เลือกหลากหลายแบบ จึงสามารถมิกซ์แอนด์แมทช์กับต้นไม้และดอกไม้ในสไตล์ต่างๆ ได้ตามใจ
แต่หากจะจัดวางไว้กลางแจ้ง ก็จะต้องเลือกกระบะที่ผลิตจากพลาสติกเกรดที่มีความทนทาน เพื่อป้องกันไม่ให้กระบะเสียหายง่ายจนเกิดผลเสียต่อต้นไม้หรือดอกไม้ที่ปลูก
ด้วยราคาที่ไม่แพง กระบะพลาสติกจึงเป็นที่นิยมสำหรับการปลูกพืชในปริมาณมากและต้องอาศัยการควบคุมต้นทุน เช่น การปลูกผักในกระบะ หรือการปลูกพืชอื่นๆ ในกระบะในเชิงการเกษตร
4. กระบะไฟเบอร์กลาส สวยในสไตล์โมเดิร์น
กระบะไฟเบอร์กลาส คือกระบะที่ทำมาจากเส้นใยแก้วผสมกับเรซินโพลีเอสเตอร์หรือพลาสติก มีจุดเด่นคือมีน้ำหนักเบา มีความยืดหยุ่นดี และมีความทนทานสูง แต่ก็มีราคาที่แพงกว่ากระบะพลาสติกพอสมควร
ในแง่ของรูปลักษณ์ กระบะปลูกต้นไม้ที่ทำมาจากไฟเบอร์กลาสจะมีลักษณะพื้นผิวที่ดูเรียบและประณีต จึงให้ความรู้สึกในเชิงมินิมอลผสมผสานกับโมเดิร์น สามารถใช้เสริมภาพลักษณ์และเพิ่มมูลค่าให้กับอาคารได้เป็นอย่างดี
5. กระบะโลหะ สวยหรูดูมีระดับ
กระบะปลูกต้นไม้ที่ทำจากโลหะ เช่น อลูมิเนียม เหล็กกัลวาไนซ์ เหล็กกล้า ฯลฯ ทั่วไปแล้วมักดูเรียบหรู ทั้งยังมีจุดเด่นในการใช้งานคือมีความทนทานสูง แต่ก็ต้องแลกมาด้วยราคาที่ค่อนข้างแพง
ด้วยพื้นผิวของกระบะโลหะที่มีความเป็นเอกลักษณ์คือมีลักษณะเรียบและมักจะเป็นมันวาว การเพิ่มลูกเล่นต่างๆ เพื่อเสริมความโดดเด่นจึงเป็นสิ่งที่ทำได้ง่าย เช่น ใช้สีดำเพื่อเสริมความเรียบหรู หรือใช้แสงเข้ามาช่วยในการตกแต่งเพื่อให้ดูน่าสนใจมากขึ้น เป็นต้น
เคล็ดลับวิธีปลูกต้นไม้ในกระบะให้สวยทนยาวนาน
หากต้องการให้ต้นไม้ในกระบะสวยทนยาวนาน ก็จำเป็นต้องใช้เทคนิคการปลูกและการดูแลที่เหมาะสม ซึ่งก็มีข้อแนะนำดังนี้
- เลือกกระบะที่เหมาะสมกับพืช กระบะปลูกต้นไม้ที่ใช้ควรมีขนาดและความลึกที่เพียงพอสำหรับรากของพืชที่จะปลูก และควรดูแลไม่ให้พืชมีจำนวนมากหรือหนาแน่นเกินไป
- วางระบบระบายน้ำให้ดี กระบะปลูกต้นไม้ต้องระบายน้ำได้ดี เพื่อป้องกันปัญหาน้ำขัง ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้พืชตาย ในจุดนี้การใช้อุปกรณ์เฉพาะทางอย่าง Drainage Cell และ Geotextile ก็สามารถช่วยสร้างระบบระบายน้ำที่ทนทานและมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดความมั่นใจได้ในระยะยาว (นิยมใช้กับกระบะสำหรับต้นไม้ขนาดใหญ่ กระบะที่มีพื้นที่กว้าง รวมถึงพื้นที่ปลูกพืชในอาคารที่เป็นแบบ Built-In)
- รดน้ำอย่างเหมาะสม การรดน้ำต้องระวังไม่ให้มากไปหรือน้อยไป ซึ่งความถี่และปริมาณก็จะขึ้นอยู่กับชนิดของพืชที่ใช้ รวมถึงสภาวะแวดล้อมในการปลูก
- เลือกดินให้ดีและใส่ใจเรื่องปุ๋ย ดินที่ใช้กับกระบะปลูกต้นไม้ทั่วไปแล้วไม่ควรแน่นจนเกินไป เพราะจะทำให้น้ำระบายได้ยาก นอกจากนี้ก็ควรมีการใช้ปุ๋ยอย่างเหมาะสม ซึ่งทั้งหมดนี้ก็ต้องคำนึงถึงชนิดของพืชที่ปลูกเป็นสำคัญ
- ใส่ใจเรื่องสภาพแวดล้อม ปัจจัยทางด้านสภาพแวดล้อม เช่น แสงแดด ลม อุณหภูมิ ความชื้น ฯลฯ จะต้องมีความเหมาะสมกับพืชที่ปลูก นอกจากนี้แล้ว วัสดุของกระบะปลูกต้นไม้ที่ใช้ก็จะต้องสามารถทนต่อสภาพแวดล้อมเหล่านี้ได้ โดยเฉพาะในกรณีที่ปลูกในพื้นที่กลางแจ้ง
- หมั่นตรวจสอบโรคพืชและศัตรูพืช ควรหมั่นสังเกตอาการผิดปกติของพืช รวมถึงคอยสอดส่องในส่วนของศัตรูพืช เพื่อให้สามารถรับมือได้อย่างทันท่วงที
การสร้างระบบระบายน้ำด้วย Drainage Cell และ Geotextile
Drainage Cell คือแผ่นระบายน้ำที่ทำมาจากวัสดุสังเคราะห์ซึ่งมีความทนทานสูง ใช้สร้างชั้นใต้ดินที่ช่วยให้น้ำส่วนเกินสามารถระบายออกได้ง่าย แต่ในขณะเดียวกันก็ช่วยกักเก็บความชื้นส่วนที่จำเป็นเอาไว้
ส่วน Geotextile คือแผ่นใยสังเคราะห์ที่มีความทนทานและมีคุณสมบัติน้ำซึมผ่านได้ ใช้กรองชั้นหินและดินรวมถึงรากของพืชไม่ให้เข้ามาอุดตันในชั้น Drainage Cell
ด้วยคุณสมบัติเฉพาะตัวเหล่านี้ การใช้ Drainage Cell และ Geotextile ร่วมกัน จึงสามารถสร้างเป็นระบบระบายน้ำที่มีความทนทานและมีประสิทธิภาพดี เหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับงานภูมิทัศน์ที่ต้องการความเชื่อมั่นสูง เช่น กรณีของกระบะสำหรับปลูกต้นไม้ขนาดใหญ่ กระบะที่มีพื้นที่กว้าง ระบบพื้นที่ปลูกพืชบนหรือบริเวณอาคาร พื้นที่หญ้าเทียม ฯลฯ
สำหรับการติดตั้งระบบระบายน้ำด้วย Drainage Cell และ Geotextile ก็จะมีตัวอย่างขั้นตอนคร่าวๆ ดังนี้
- เตรียมพื้นที่ติดตั้ง ควรเป็นพื้นเรียบ ไม่มีสิ่งปลูกสร้างหรือของตกแต่งกีดขวางรบกวน โดยอาจติดตั้งเมมเบรนกันซึมก่อนหากจำเป็น
- ติดตั้ง Drainage Cell จากนั้นให้ติดตั้ง Drainage Cell ให้คลุมพื้นทั้งหมดรวมถึงบริเวณขอบโดยรอบ โดยให้สูงคลุมขอบบนของชั้นดินที่จะใส่ ซึ่งการเชื่อมต่อ Drainage Cell แต่ละแผ่นเข้าด้วยกันก็สามารถทำได้โดยง่ายด้วยระบบ Interlocking ในกรณีที่มี Drainage Cell บางส่วนเกินพื้นที่ติดตั้งก็ให้ตัดออกให้พอดี
- ติดตั้ง Geotextile จากนั้นให้ติดตั้ง Geotextile ให้คลุม Drainage Cell ทั้งหมด รวมถึงบริเวณขอบ ระวังอย่าให้มีรอยรั่ว เพื่อป้องกันไม่ให้ดินเข้าไปอุดตันในชั้น Drainage Cell ได้
- ลงดินในพื้นที่ปลูกพืช จบท้ายด้วยการลงดิน โดยอย่าให้เนื้อแน่นจนเกินไป เพราะจะทำให้น้ำระบายออกยาก เพียงเท่านี้การทำระบบระบายน้ำด้วย Drainage Cell และ Geotextile ก็เสร็จสมบูรณ์
บทสรุป
กระบะปลูกต้นไม้ (Planter Box) หากแบ่งตามวัสดุที่ใช้ก็จะแบ่งได้เป็น 5 สไตล์หลักๆ ได้แก่ กระบะไม้ในสไตล์ธรรมชาติ กระบะปูนในสไตล์มินิมอล กระบะพลาสติกในสไตล์ที่ยืดหยุ่น กระบะไฟเบอร์กลาสในสไตล์โมเดิร์น และกระบะโลหะในสไตล์เรียบหรู
ทั้งนี้ หากต้องการให้ต้นไม้ในกระบะสวยทนยาวนาน ก็จำเป็นจะต้องใช้วิธีปลูกและวิธีดูแลที่เหมาะสม ซึ่งก็ได้แก่ เลือกกระบะที่มีขนาดใหญ่เพียงพอ รดน้ำในปริมาณและความถี่ที่เหมาะสม เลือกดินให้ดีและให้ความสำคัญกับปุ๋ย ใส่ใจดูแลสภาพแวดล้อมให้เหมาะกับพืช หมั่นตรวจสอบโรคพืชและศัตรูพืชให้ดี และที่สำคัญก็คือจะต้องมีการวางระบบระบายน้ำที่ดี เพื่อป้องกันปัญหาน้ำขัง
ซึ่งในส่วนนี้ก็สามารถใช้อุปกรณ์เฉพาะทางอย่าง Drainage Cell และ Geotextile เข้ามาทำระบบระบายน้ำที่มีความทนทานได้ โดยจะนิยมใช้กับกระบะสำหรับต้นไม้ขนาดใหญ่ กระบะที่มีพื้นที่กว้าง รวมถึงพื้นที่ปลูกพืชบนและบริเวณอาคาร
Matiply ผู้จัดจำหน่าย Drainage Cell และ Geotextile คุณภาพดี
Matiply เป็นบริษัทผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์สำหรับงานภูมิทัศน์ เช่น Geotextile, Drainage Cell, Geocell, Grass Paver ฯลฯ ทั้งสำหรับงานโครงการและผู้ใช้ทั่วไป
ที่ Matiply เราคัดเลือกเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ จำหน่ายในราคาย่อมเยา โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยผลักดันแนวคิดเมืองสีเขียว ให้ประเทศไทยมีความร่มรื่นน่าอยู่และมีสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น
หากท่านใดสนใจรับคำปรึกษาหรือสั่งซื้อผลิตภัณฑ์งานภูมิทัศน์กับทาง Matiply ก็สามารถติดต่อเข้ามาได้ ทาง Matiply ยินดีให้บริการค่ะ
